เมนู

อรรถโพธิยา พุทโธติกถา


ว่าด้วยคำว่า ชื่อว่าพุทธะเพราะโพธิ1


บัดนี้ ชื่อว่า เรื่องชื่อว่าพุทธะเพราะโพธิ คือปัญญาเป็นเครื่อง
ตรัสรู้. ในเรื่องนั้น คำว่า " โพธิ " เป็นชื่อของมัคคญาณ 4 บ้าง
เป็นชื่อของสัพพัญญุตญาณบ้าง. เพราะฉะนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็น
ดุจลัทธิของนิกายอุตตราปถกะทั้งหลาย นั่นแหละในขณะนี้ว่า ชื่อว่า
เป็นพระพุทธเจ้าเพราะโพธิ เหมือนคำว่า ชื่อว่าคนขาวเพราะผิวขาว
ชื่อว่าคนดำเพราะผิวดำ ฉะนั้น ดังนี้ คำถามก็ดี คำซักถามก็ดีของ
สกวาทีหมายชนเหล่านั้น คำตอบรับรองก็ดี. คำปฏิเสธก็ดี เป็นของ
ปรวาที. ในปัญหาว่า เพราะปัญญาเป็นเครื่องตรัสรู้ที่เป็นอดีต เป็น
ต้น ปรวาทีตอบปฏิเสธเพราะขณะนั้นไม่มี. ถูกถามครั้งที่ 2 ท่านตอบ
รับรองหมายเอาการได้โดยเฉพาะ. ถูกถามด้วยด้วยสามารถแห่งกิจอีก
1. คำว่า โพธิ แปลว่าปัญญาเครื่องตรัสรู้ ในที่นี้ ท่านหมายเอามัคคญาณบ้าง
สัพพัญญุตญาณบ้าง ท่านผู้รู้ได้กล่าวคำว่า " โพธิ " ไว้ 5 นัย คือ.- 1. ต้น
โพธิที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ อุทาหรณ์ว่า โพธิรุกฺขมูเล ปฐมาภิสมฺพุทฺโธ. แปลว่า
เป็นพระอภิสัมพุทธะครั้งแรกที่ควงไม้โพธิ์ 2. มัคคจิต อุทาหรณ์ว่า โพธิ
วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ ญาณํ. แปลว่า ญาณในมรรค 4 พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสเรียกว่า โพธิ 3. สัพพัญญุตญาณ อุทาหรณ์ว่า ปปฺโปตี โพธิ วรภูริ
เมธโส. แปลว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบรรลุโพธิ คือสัพพัญญุตญาณ
ด้วยภูมิปัญญาอันยอดเยี่ยม 4. พระนิพพานอุทาหรณ์ว่า ปตฺวาน โพธิ อมตํ
อสงฺขตํ. แปลว่า ทรงบรรลุแล้วซึ่งโพธิ คือพระนิพพาน อันเป็นอมตะอัน
ปัจจัยอะไร ๆ ปรุงแต่งไม่ได้แล้ว 5. เป็นชื่อเฉพาะ อุทาหรณ์ว่า โพธิ
ภนฺเต ราชกุมาโร. แปลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ราชกุมาร ชื่อว่า โพธิ.

ท่านตอบปฏิเสธเพราะไม่มีกิจที่พึงทำ. ถูกถามครั้งที่ 2 ท่านตอบรับรอง
ซึ่งความที่กิจอันใดที่ปัญญานั้นทำแล้วเป็นผู้ไม่หลงลืมในกิจนั้น. ก็แล
สกวาทีไม่ให้โอกาสอันมีเลศนัยจึงถามโดยนัยว่า ยังกำหนดรู้ทุกข์
เป็นต้น ปรวาทีตอบปฏิเสธเพราะความไม่มีกิจนั้น. ในปัญหาว่าด้วย
อนาคต ปรวาทีตอบปฏิเสธเพราะไม่มีมรรคญาณในขณะนั้น. ถูกถาม
ครั้งที่ 2 ปรวาทีผู้สำคัญอยู่ซึ่งความเป็นพระพุทธเจ้า เพราะโพธิอัน
เป็นอนาคตด้วยบาลีว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จถึงเมืองราชคฤห์แล้ว
เป็นต้น จึงตอบรับรอง. ถูกถามว่า กระทำกิจที่พึงทำด้วยปัญญา
เป็นเครื่องตรัสรู้
ปรวาทีตอบปฏิเสธเพราะความไม่มีกิจในขณะนั้น.
ถูกถามครั้งที่ 2 ท่านตอบรับรองด้วยคำว่า ชื่อว่ากำลังทำอยู่นั่นแหละ
เพราะใคร ๆ ไม่พึงกล่าวว่าพระพุทธเจ้าไม่พึงทำกรณียกิจควรกล่าวได้ว่า
จักทำแน่ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่ากระทำอยู่นั่นแหละ. ถูกสกวาทีถาม
แล้วโดยไม่ให้โอกาสอันมีเลศนัยอีก ก็ตอบปฏิเสธ. ปัญหาว่าด้วยปัจจุ-
บันพร้อมทั้งการเปรียบเทียบมีอรรถตื้นทั้งนั้น.
ถูกถาม รวมโพธิ 3 คือที่เป็นอดีตอนาคตและปัจจุบัน
เป็นอย่างเดียวกัน
ท่านหมายเอาสัพพัญญุตญาณจึงตอบรับรอง เพราะ
ภาวะอันบุคคลพึงกล่าวว่าเป็นพระพุทธเจ้าด้วยโพธิทั้ง 3. ถูกถามรวม
โพธิทั้ง 3 อีก ปรวาทีตอบปฏิเสธเพราะญาณทั้ง 3 นั้น ไม่มีในขณะ
เดียวกัน. ถูกถามครั้งที่ 2 ท่านก็ตอบรับรองด้วยสามารถแห่งสัพพัญญุต-
ญาณที่เป็นทั้งอดีตอนาคตและปัจจุบัน. สกวาที่ไม่ให้โอกาสอันมีเลศนัย
แก่ปรวาทีอีก จึงถามว่า ประกอบตั้งมั่น เป็นต้น ท่านตอบปฏิเสธ.

คำถามว่า ไม่พึงกล่าวว่า ชื่อว่าพุทธะเพราะปัญญาเป็นเครื่องตรัสรู้
หรือ
เป็นของปรวาที. คำรับรองเป็นของสกวาที เพราะไม่บรรลุ
ความเป็นพระพุทธเจ้าในขณะแห่งโพธิหามีไม่. อนึ่งในปัญหาว่า เพราะ
การได้ปัญญาเป็นเครื่องตรัสรู้มิใช่หรือ สกวาทีนั้นนั่นแหละ
ตอบรับรองว่า ใช่ เพราะสภาพแห่งสมมุติว่า มัคคญาณอันบัณฑิตเรียก
ว่าโพธิเกิดขึ้นแล้วในสันดานใด ในสันดานนั้นชื่อว่าเป็นพระพุทธเจ้า.
เพราะไม่ทราบถึงคำอธิบายของสกวาที ปรวาทีจึงตั้งลัทธิไว้ด้วยคำว่า
ว่า หากว่าชื่อว่าพุทธะเพราะการได้ปัญญาเป็นเครื่องตรัสรู้ ด้วย
เหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่าชื่อว่าพุทธะเพราะปัญญาเป็นเครื่อง
ตรัสรู้
บัดนี้เป็นคำถามของสกวาทีว่า ชื่อพุทธะเพราะการได้
ปัญญาเป็นเครื่องตรัสรู้ เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า พุทธะเพราะปัญญา
เป็นเครื่องตรัสรู้หรือ
เพื่อทำเนื้อความที่ปรวาทีนั้นไม่กำหนดไว้ให้
ปรากฏ. บัณฑิตพึงทราบเนื้อความแห่งปัญหานั้นว่า ชื่อว่าเป็นพระ-
พุทธเจ้าเพราะการได้เฉพาะซึ่งโพธิตามลัทธิของท่าน เหตุใดเพราะเหตุ
นั้นจึงชื่อว่าเป็นพระพุทธเจ้าเพราะโพธิหรือ. เมื่อปรวาทีไม่กำหนด
การวิภาคนี้ว่า ครั้นเมื่อโพธิเกิดขึ้นแม้ดับไปแล้วภาวะที่เกิดขึ้นแล้วใน
สันดานนั่นแหละ ชื่อว่าการได้ปัญญาเป็นเครื่องตรัสรู้ ญาณในขณะ
แห่งมรรค ชื่อว่าโพธิ ดังนี้ จึงตอบรับรองอีก. ที่นั้นจึงถูกถามว่า
ชื่อว่าโพธิก็เพราะการได้ปัญญาเป็นเครื่องตรัสรู้หรือ เมื่อไม่ได้
โอกาสที่จะกล่าวอะไรได้ ท่านจึงตอบปฏิเสธ ดังนี้แล.
อรรถกถาโพธิยาพุทโธติกถา จบ

เรื่องทั้ง 3 ดังพรรณนามานี้เป็นของนิกายอุตตราปถกะทั้งหลาย
นั้นแล.

ลักขณกถา


[956] สกวาที ผู้ประกอบด้วยลักษณะเป็นพระโพธิสัตว์
หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. ผู้ประกอบด้วยลักษณะบางส่วน เป็นพระโพธิ-
สัตว์ บางส่วน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[957] ส. ผู้ประกอบด้วยลักษณะเป็นพระโพธิสัตว์ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ผู้ประกอบด้วยลักษณะ 1 ใน 3 ส่วน เป็น
พระโพธิสัตว์ 1 ใน 3 ส่วน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[958] ส. ผู้ประกอบด้วยลักษณะเป็นพระโพธิสัตว์ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ผู้ประกอบด้วยลักษณะกึ่งหนึ่ง เป็นพระโพธิ-
สัตว์กึ่งหนึ่ง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[959] ส. ผู้ประกอบด้วยลักษณะเป็นพระโพธิสัตว์ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.